“ทุเรียน-มังคุด” อ่วมรถบรรทุก 300คัน ตกค้างชายแดน ลาว-จีน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการค้าชายแดน ด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว แจ้งว่าได้มีสินค้าไทยที่บรรทุกสินค้าประเภทผลไม้จำนวนมากประสบปัญหาตกค้างอยู่ที่ชายแดน สปป.ลาว-จีน ตรงเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ห่างจากชายแดนด้าน อ.เชียงของ และเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ไปทางทิศเหนือประมาณ 245 กิโลเมตร โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นประเภททุเรียน มังคุด สับปะรดภูแล ฯลฯ ที่ผู้ประกอบการไทยได้ขนส่งจะนำเข้าไปในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางการ สปป.ลาว ได้มีการใช้มาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยให้ใช้การขนส่งด้วยหัวลากใน สปป.ลาว และใช้คนลาวเป็นคนขับ โดยไม่อนุญาตให้คนขับไทยขับรถขนส่งภายใน สปป.ลาว ทำให้สินค้าไทยที่ขนข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วต้องหยุดเปลี่ยนหัวลากที่ด่านเมืองห้วยทราย จากนั้นรถขนส่งของ สปป.ลาว จะทำหน้าที่ขนสินค้าไปให้จนถึงเมืองบ่อเต็น เพื่อทำพิธีการขนส่งสินค้าเข้าไปยังด่านเมืองโมฮาน มณฑลยูนนาน ต่อไป

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันพบปัญหาว่าจำนวนหัวลากและคนขับใน สปป.ลาว มีจำนวนน้อย และต้องเสียเวลาขนถ่ายหลายทอด รวมทั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดของแรงงานและไม่มีการอนุญาตให้คนจีนเดินเข้ามายังด่านเมืองบ่อเต็นอีก จึงทำให้รถบรรทุกสินค้าไทยตกค้างอยู่ที่บ่อเต็น ประมาณ 300 คัน ซึ่งหากการขนส่งยังคงล่าช้าเช่นนี้ต่อไป ก็มีความเสี่ยงว่าสินค้าผลไม้จะเกิดการเน่าเสีย

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น  จากเดิมที่ใช้รถหัวลากและคนไทยขับจากห้วยทราย-บ่อเต็น ก็จะมีค่าจ้างคันละประมาณ 15,000 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนหัวลากและคนขับเป็นชาวลาวก็พบว่าค่าจ้างขนส่งได้เพิ่มขึ้นเป็น 45,000 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนกำลังจะหันไปขนส่งสินค้าผ่านทาง จ.มุกดาหาร เพื่อเข้าสู่ถนนอาร์ 9 และประเทศเวียดนาม-จีน แทนแล้ว ซึ่งไกลกว่าถนนอาร์สามเอนับพันกิโลเมตร

รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวอีกว่าล่าสุดผู้ประกอบการไทยเตรียมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้ประสานกับทางการประเทศจีนให้เปิดท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขง หลังจากมีการปิดท่าเรือดังกล่าวเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง

ทั้งนี้ได้รับทราบว่าทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็กำลังช่วยประสานงานให้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะชายแดนด้าน จ.เชียงราย ถือว่าใกล้ประเทศจีนมากที่สุด และสินค้าประเภทผลไม้ที่จะส่งเข้าจีนมีข้อตกลงที่ให้ผ่านการตรวจเพียง 3 จุดเท่านั้น คือ ที่ จ.มุกดาหาร (ถนนอาร์ 9) ที่ อ.เชียงของ (ถนนอาร์สามเอ) และที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เท่านั้น แต่ที่ จ.เชียงราย ถือว่าใกล้ประเทศจีนมากที่สุดแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทย-สปป.ลาว ที่ห้องว่าการแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางการ สปป.ลาว ได้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบว่าจะใช้มาตรการควบคุมโรคไวรัสโควิด-19 โดยไม่ให้อนุญาตให้คนขับรถหัวลากที่มาจากประเทศไทยพักค้างคืนใน สปป.ลาว แม้แต่ที่เมืองห้วยทรายที่อยู่ติดกันโดยให้กลับประเทศภายในวันเดียวกัน โดยมาตรการจะดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะสิ้นสุดลง จึงจะยกเลิกเพื่อกลับมาใช้การปฏิบัติแบบเดิม

ด้านด่านศุลกากรเชียงของ แจ้งว่าในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกผลไม้สดผ่าน สปป.ลาว ไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับ 1 โดยมีปริมาณกว่า 20,019,375 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 699,749,180.13 บาท ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่ส่งออกในปริมาณใกล้เคียงกันนี้มาโดยตลอดแม้ว่าจะเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 และทางการจีนมีการปิดและเข้มงวดเป็นบางช่วง

รองลงมา คือ สินค้าประเภทโค กระบือมีชีวิต วัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ แต่สินค้าอื่นๆ ส่วนใหญ่จะส่งเข้าไปจำหน่ายเฉพาะใน สปป.ลาว รวมมูลค่าส่งออกรวมตลอดทั้งเดือน 1,018,926,318.16 บาท และแม้ว่าประเทศไทยและ สปป.ลาว จะปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ก็มีการเปิดให้รถขนส่งสินค้าข้ามไปมาได้กระทั่งทาง สปป.ลาว มีการใช้มาตรการใหม่ดังกล่าว

ที่มา: https://www.prachachat.net/local-economy/news-458897

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการค้าชายแดน ด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว แจ้งว่าได้มีสินค้าไทยที่บรรทุกสินค้าประเภทผลไม้จำนวนมากประสบปัญหาตกค้างอยู่ที่ชายแดน สปป.ลาว-จีน ตรงเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ห่างจากชายแดนด้าน อ.เชียงของ และเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ไปทางทิศเหนือประมาณ 245 กิโลเมตร โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นประเภททุเรียน มังคุด สับปะรดภูแล ฯลฯ ที่ผู้ประกอบการไทยได้ขนส่งจะนำเข้าไปในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางการ สปป.ลาว ได้มีการใช้มาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยให้ใช้การขนส่งด้วยหัวลากใน สปป.ลาว และใช้คนลาวเป็นคนขับ โดยไม่อนุญาตให้คนขับไทยขับรถขนส่งภายใน สปป.ลาว ทำให้สินค้าไทยที่ขนข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วต้องหยุดเปลี่ยนหัวลากที่ด่านเมืองห้วยทราย จากนั้นรถขนส่งของ สปป.ลาว จะทำหน้าที่ขนสินค้าไปให้จนถึงเมืองบ่อเต็น เพื่อทำพิธีการขนส่งสินค้าเข้าไปยังด่านเมืองโมฮาน มณฑลยูนนาน ต่อไป

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันพบปัญหาว่าจำนวนหัวลากและคนขับใน สปป.ลาว มีจำนวนน้อย และต้องเสียเวลาขนถ่ายหลายทอด รวมทั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดของแรงงานและไม่มีการอนุญาตให้คนจีนเดินเข้ามายังด่านเมืองบ่อเต็นอีก จึงทำให้รถบรรทุกสินค้าไทยตกค้างอยู่ที่บ่อเต็น ประมาณ 300 คัน ซึ่งหากการขนส่งยังคงล่าช้าเช่นนี้ต่อไป ก็มีความเสี่ยงว่าสินค้าผลไม้จะเกิดการเน่าเสีย

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น  จากเดิมที่ใช้รถหัวลากและคนไทยขับจากห้วยทราย-บ่อเต็น ก็จะมีค่าจ้างคันละประมาณ 15,000 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนหัวลากและคนขับเป็นชาวลาวก็พบว่าค่าจ้างขนส่งได้เพิ่มขึ้นเป็น 45,000 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนกำลังจะหันไปขนส่งสินค้าผ่านทาง จ.มุกดาหาร เพื่อเข้าสู่ถนนอาร์ 9 และประเทศเวียดนาม-จีน แทนแล้ว ซึ่งไกลกว่าถนนอาร์สามเอนับพันกิโลเมตร

รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวอีกว่าล่าสุดผู้ประกอบการไทยเตรียมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้ประสานกับทางการประเทศจีนให้เปิดท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขง หลังจากมีการปิดท่าเรือดังกล่าวเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง

ทั้งนี้ได้รับทราบว่าทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็กำลังช่วยประสานงานให้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะชายแดนด้าน จ.เชียงราย ถือว่าใกล้ประเทศจีนมากที่สุด และสินค้าประเภทผลไม้ที่จะส่งเข้าจีนมีข้อตกลงที่ให้ผ่านการตรวจเพียง 3 จุดเท่านั้น คือ ที่ จ.มุกดาหาร (ถนนอาร์ 9) ที่ อ.เชียงของ (ถนนอาร์สามเอ) และที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เท่านั้น แต่ที่ จ.เชียงราย ถือว่าใกล้ประเทศจีนมากที่สุดแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทย-สปป.ลาว ที่ห้องว่าการแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางการ สปป.ลาว ได้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบว่าจะใช้มาตรการควบคุมโรคไวรัสโควิด-19 โดยไม่ให้อนุญาตให้คนขับรถหัวลากที่มาจากประเทศไทยพักค้างคืนใน สปป.ลาว แม้แต่ที่เมืองห้วยทรายที่อยู่ติดกันโดยให้กลับประเทศภายในวันเดียวกัน โดยมาตรการจะดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะสิ้นสุดลง จึงจะยกเลิกเพื่อกลับมาใช้การปฏิบัติแบบเดิม

ด้านด่านศุลกากรเชียงของ แจ้งว่าในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกผลไม้สดผ่าน สปป.ลาว ไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับ 1 โดยมีปริมาณกว่า 20,019,375 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 699,749,180.13 บาท ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่ส่งออกในปริมาณใกล้เคียงกันนี้มาโดยตลอดแม้ว่าจะเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 และทางการจีนมีการปิดและเข้มงวดเป็นบางช่วง

รองลงมา คือ สินค้าประเภทโค กระบือมีชีวิต วัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ แต่สินค้าอื่นๆ ส่วนใหญ่จะส่งเข้าไปจำหน่ายเฉพาะใน สปป.ลาว รวมมูลค่าส่งออกรวมตลอดทั้งเดือน 1,018,926,318.16 บาท และแม้ว่าประเทศไทยและ สปป.ลาว จะปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ก็มีการเปิดให้รถขนส่งสินค้าข้ามไปมาได้กระทั่งทาง สปป.ลาว มีการใช้มาตรการใหม่ดังกล่าว

ที่มา: https://www.prachachat.net/local-economy/news-458897