"บิ๊กอู๋" ปั้นแรงงานป้อนตลาดขนส่ง-การค้าระหว่างประเทศ


“บิ๊กอู๋” เปิดเสวนา “โลจิสติกส์” กำหนดทิศทางปั้นแรงงานคุณภาพป้อนตลาดงานขนส่ง

และการค้าระหว่างประเทศ 

เมื่อวันที่ 4เม.ย. ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทิศทางการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ รองรับธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ ประจำปี 2562จัดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ร่วมกับ ภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อยกระดับและทักษะแรงงานในระบบโลจิสติกส์ ตามนโยบาย 3A ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ รองรับ 10อุตสาหกรรมหลัก ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี โดยจะได้ทราบแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต และการกำหนดยุทธศาสตร์การทำธุรกิจในอนาคตอีกด้วย พร้อมทั้งมอบวุฒิบัตรให้ผู้ผ่านการฝึกอบรม 205คน และส่งมอบให้แก่ผู้ประกอบการต่อ

 

พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นกลไกส่งผ่านของสินค้าและบริการจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ดังนั้น ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยกลไกเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามแนวทางประชารัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม   ผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีให้มีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจ      รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกว่า 2,700ราย ครอบคลุมการจ้างงานไม่น้อยกว่า 250,000คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 314,000ล้านบาทต่อปี รองรับอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ EEC และโครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาล

 

ด้าน นายสุทธิ สุโกศล อธิบดี กพร. กล่าวว่า ปัญหาการลดลงของผลิตภาพแรงงาน และกำลังแรงงาน การขาดแคลนแรงงาน ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2561 – 2564) ที่เน้นให้แรงงานมีศักยภาพเพียงพอต่อการส่งเสริม สนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และแก้ปัญหาการว่างงานในกลุ่มนักศึกษากว่า 170,000คน ทางกพร.จึงได้ร่วมกับสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) แก้ปัญหาโดยฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานป้อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะมีงานรองรับ มีรายได้เฉลี่ย 18,150บาท/ คน/เดือน และวางแผนระยะยาว 5ปี (2563-2567) พัฒนาแรงงาน 2,500คนป้อนธุรกิจรับส่งสินค้าระหว่างประเทศ.

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/702288

“บิ๊กอู๋” เปิดเสวนา “โลจิสติกส์” กำหนดทิศทางปั้นแรงงานคุณภาพป้อนตลาดงานขนส่ง

และการค้าระหว่างประเทศ 

เมื่อวันที่ 4เม.ย. ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทิศทางการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ รองรับธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ ประจำปี 2562จัดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ร่วมกับ ภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อยกระดับและทักษะแรงงานในระบบโลจิสติกส์ ตามนโยบาย 3A ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ รองรับ 10อุตสาหกรรมหลัก ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี โดยจะได้ทราบแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต และการกำหนดยุทธศาสตร์การทำธุรกิจในอนาคตอีกด้วย พร้อมทั้งมอบวุฒิบัตรให้ผู้ผ่านการฝึกอบรม 205คน และส่งมอบให้แก่ผู้ประกอบการต่อ

 

พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นกลไกส่งผ่านของสินค้าและบริการจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ดังนั้น ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยกลไกเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามแนวทางประชารัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม   ผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีให้มีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจ      รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกว่า 2,700ราย ครอบคลุมการจ้างงานไม่น้อยกว่า 250,000คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 314,000ล้านบาทต่อปี รองรับอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ EEC และโครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาล

 

ด้าน นายสุทธิ สุโกศล อธิบดี กพร. กล่าวว่า ปัญหาการลดลงของผลิตภาพแรงงาน และกำลังแรงงาน การขาดแคลนแรงงาน ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2561 – 2564) ที่เน้นให้แรงงานมีศักยภาพเพียงพอต่อการส่งเสริม สนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และแก้ปัญหาการว่างงานในกลุ่มนักศึกษากว่า 170,000คน ทางกพร.จึงได้ร่วมกับสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) แก้ปัญหาโดยฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานป้อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะมีงานรองรับ มีรายได้เฉลี่ย 18,150บาท/ คน/เดือน และวางแผนระยะยาว 5ปี (2563-2567) พัฒนาแรงงาน 2,500คนป้อนธุรกิจรับส่งสินค้าระหว่างประเทศ.

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/702288