Vizhinjam ท่าเรือน้ำลึกใหม่ของอินเดีย โอกาสทางการค้าของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ไทย

Vizhinjam ท่าเรือน้ำลึกใหม่ของอินเดีย โอกาสทางการค้าของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ไทย

 

ในเดือนพฤศจิกายน 2565 อินเดียมีแผนเปิดใช้ท่าเรือน้ำลึกนานาชาติ (Vizhinjam International Deepwater Multipurpose Seaport) ในเมืองธิรูวานันทปุรัม รัฐเกรละ เพื่อส่งออกไปตะวันออกกลาง และเชื่อมโยงเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (East-West Shipping Route) การเปิดให้บริการท่าเรือดังกล่าว ถือเป็นโอกาสทางการค้าและภาคธุรกิจโลจิสติกส์ไทย โดยเฉพาะการขนส่งทางเรือ และธุรกิจบริหารจัดเก็บและขนส่งด้วยระบบความเย็น (Cold-Chain Logistics Service) เนื่องจากทางตอนใต้ของอินเดียยังมีระบบและอุปกรณ์ที่ขาดความทันสมัย และห้องเย็นดำเนินการสร้างมาเกือบ 10 ปี

โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้า 1 ใน 10 ของไทย ในปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวม 475,744.17 ล้านบาท เติบโต 56.5% จากปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังอินเดีย ได้แก่ น้ำมันปาล์ม อัญมณี เม็ดพลาสติก โพลิอะซีทัล ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องปรับอากาศ

ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างศึกษา “โครงการแลนด์บริดจ์ (Land Bridge)” ที่มี่เป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโลจิสติกส์โลจิสติกส์ภาคใต้ให้เชื่อต่อกับพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเชื่อมชุมพร-ระนอง เพื่อขนส่งสินค้าสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งจะลดระยะเวลาขนส่งได้ถึง 2.5 วัน และลดต้นทุนการขนส่งได้ สอดรับกับการเปิดท่าเรือใหม่ทางตอนใต้ของอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังมีข้อจำกัด เช่น ใช้งบประมาณสูง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า                                         

ในเดือนพฤศจิกายน 2565 อินเดียมีแผนเปิดใช้ท่าเรือน้ำลึกนานาชาติ (Vizhinjam International Deepwater Multipurpose Seaport) ในเมืองธิรูวานันทปุรัม รัฐเกรละ เพื่อส่งออกไปตะวันออกกลาง และเชื่อมโยงเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (East-West Shipping Route) การเปิดให้บริการท่าเรือดังกล่าว ถือเป็นโอกาสทางการค้าและภาคธุรกิจโลจิสติกส์ไทย โดยเฉพาะการขนส่งทางเรือ และธุรกิจบริหารจัดเก็บและขนส่งด้วยระบบความเย็น (Cold-Chain Logistics Service) เนื่องจากทางตอนใต้ของอินเดียยังมีระบบและอุปกรณ์ที่ขาดความทันสมัย และห้องเย็นดำเนินการสร้างมาเกือบ 10 ปี

โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้า 1 ใน 10 ของไทย ในปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวม 475,744.17 ล้านบาท เติบโต 56.5% จากปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังอินเดีย ได้แก่ น้ำมันปาล์ม อัญมณี เม็ดพลาสติก โพลิอะซีทัล ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องปรับอากาศ

ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างศึกษา “โครงการแลนด์บริดจ์ (Land Bridge)” ที่มี่เป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโลจิสติกส์โลจิสติกส์ภาคใต้ให้เชื่อต่อกับพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเชื่อมชุมพร-ระนอง เพื่อขนส่งสินค้าสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งจะลดระยะเวลาขนส่งได้ถึง 2.5 วัน และลดต้นทุนการขนส่งได้ สอดรับกับการเปิดท่าเรือใหม่ทางตอนใต้ของอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังมีข้อจำกัด เช่น ใช้งบประมาณสูง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า